วิธีเลือกกล่องพัสดุที่เหมาะสมถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการจัดส่งสินค้า ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจออนไลน์หรือการส่งของส่วนตัว เพราะกล่องที่ดีช่วยป้องกันความเสียหาย สร้างความมั่นใจให้ผู้รับ และยังช่วยประหยัดต้นทุนได้อีกด้วย มาดูกันว่าควรเลือกอย่างไรให้ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด
กล่องพัสดุ คืออะไร
กล่องพัสดุ คือ บรรจุภัณฑ์ที่ใช้สำหรับจัดเก็บและขนส่งสินค้า ช่วยปกป้องสินค้าจากแรงกระแทก ความชื้น และการเสียหายระหว่างการขนส่ง มีหลายขนาดและวัสดุให้เลือกตามประเภทสินค้าและความต้องการ ทั้งสำหรับสินค้าทั่วไป สินค้าหนัก หรือสินค้าที่เปราะบาง การเลือกกล่องพัสดุที่เหมาะสมจะช่วยให้การจัดส่งปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
กล่องพัสดุ มีกี่ประเภท
การเลือกประเภทของกล่องพัสดุเป็นขั้นตอนแรกที่ไม่ควรมองข้าม เพราะแต่ละแบบมีคุณสมบัติและความเหมาะสมที่ต่างกันไป โดยกล่องพัสดุแบ่งได้ตามวัสดุ เช่น
- กล่องกระดาษคราฟท์ ราคาย่อมเยา ใช้กับสินค้าทั่วไป แต่ไม่ทนความชื้น
- กล่องลูกฟูก แข็งแรง ดูดซับแรงกระแทก เหมาะกับสินค้าหนักหรือเปราะบาง
- กล่องรีไซเคิล เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ต้นทุนต่ำ แต่คุณภาพไม่คงที่
- กล่องแข็ง (Rigid box) ใช้กับสินค้ามูลค่าสูง ต้องการการปกป้องมากเป็นพิเศษ
- กล่องพลาสติก ทนทาน กันน้ำ เหมาะสำหรับอาหารสดหรือสินค้าที่ต้องเจอสภาพแวดล้อมชื้น


วิธีเลือกกล่องพัสดุ แต่ละขนาด ต่างกันอย่างไร
- ขนาดเล็ก (S) – ใช้ส่งของจุกจิก เช่น เครื่องสำอาง อะไหล่ชิ้นเล็ก น้ำหนักเบา ประหยัดค่าขนส่ง
- ขนาดกลาง (M) – เหมาะสำหรับเสื้อผ้า หนังสือ หรือของใช้ทั่วไปที่ไม่หนักมาก
- ขนาดใหญ่ (L – XL) – ใช้ส่งสินค้าที่มีน้ำหนักหรือมีปริมาตรมาก เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องครัว
การเลือกให้ตรงขนาดช่วยลดการเคลื่อนตัวของสินค้าในกล่อง และไม่สิ้นเปลืองค่าวัสดุกันกระแทกโดยไม่จำเป็น
วิธีเลือกกล่องพัสดุ เลือกยังไงให้เหมาะสม
การเลือกกล่องพัสดุที่เหมาะสมช่วยปกป้องสินค้าและประหยัดต้นทุนขนส่ง มาดูกันว่าควรพิจารณาอะไรบ้างในการเลือกให้ลงตัวที่สุด
1. พิจารณาตามประเภทสินค้า
- สินค้าที่เปราะบาง เช่น แก้ว หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า ควรใช้กล่องลูกฟูก 5 ชั้น พร้อมบับเบิ้ลหรือโฟม
- สินค้าที่มีน้ำหนักเบา ใช้กล่องคราฟท์หรือกล่องลูกฟูก 3 ชั้นก็เพียงพอ
- สินค้าที่เสี่ยงโดนน้ำ เช่น อาหารสด ควรเลือกกล่องพลาสติกหรือกล่องกันชื้น
2. ใช้สูตรคำนวณขนาดกล่อง
สูตรสำหรับการคำนวณการเลือกกล่องพัสดุ:
ขนาดกล่อง = (ขนาดสินค้า + ระยะเผื่อวัสดุกันกระแทกอย่างน้อยด้านละ 2 ซม.)
เช่น สินค้ากว้าง 20 ซม. ยาว 25 ซม. สูง 10 ซม. (ควรเลือกกล่องประมาณ 24 × 29 × 14 ซม.)
3. เลือกตามงบประมาณและมาตรฐานขนส่ง
- เลือกกล่องที่ผ่านมาตรฐาน มีความหนาและรับน้ำหนักตามที่ผู้ให้บริการขนส่งกำหนด
- ตรวจสอบต้นทุนต่อกล่อง เพื่อให้เหมาะสมกับราคาสินค้าและค่าขนส่ง
4. เลือกกล่องที่มีขนาดใหญ่กว่าสินค้าเล็กน้อย
การเผื่อพื้นที่ด้านละ 2–5 ซม. ช่วยให้สามารถใส่วัสดุกันกระแทกได้เพียงพอ ทำให้สินค้าถูกยึดแน่นอยู่ในตำแหน่ง ลดการขยับหรือกระแทกระหว่างการขนส่ง และช่วยป้องกันความเสียหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. ตรวจสอบนโยบายของขนส่ง
แต่ละบริษัทขนส่งอาจมีข้อกำหนดเรื่องขนาด น้ำหนัก และประเภทกล่องที่รองรับแตกต่างกัน การตรวจสอบล่วงหน้าจะช่วยให้เลือกกล่องได้ถูกต้องตามมาตรฐาน ป้องกันปัญหาการถูกตีกลับหรือเสียค่าบริการเพิ่มเติมโดยไม่จำเป็น
เคล็ดลับการใส่ถุง หรือ ซองบับเบิ้ล ป้องกันสินค้าในกล่องพัสดุ ดีไหม?
การใช้ถุงหรือซองบับเบิ้ลเป็นวิธีที่นิยมในการป้องกันสินค้าจากแรงกระแทก เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องการความปลอดภัยมากขึ้น มาดูกันว่ามีข้อดีและข้อเสียอะไรบ้าง

ข้อดี
- ช่วยลดแรงกระแทกและแรงกดทับ ทำให้สินค้ามีโอกาสเสียหายน้อยลง
- เหมาะสำหรับสินค้าที่เปราะบาง เช่น แก้ว เครื่องใช้ไฟฟ้า หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
- หาซื้อง่าย ใช้งานสะดวก และราคาไม่สูงมาก
ข้อเสีย
- เพิ่มต้นทุนบรรจุภัณฑ์ หากใช้บับเบิ้ลในปริมาณมาก
- ทำให้กล่องพัสดุมีขนาดใหญ่ขึ้น ส่งผลให้ค่าขนส่งอาจสูงขึ้นตามไปด้วย
- เป็นวัสดุพลาสติกที่อาจสร้างขยะและกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หากไม่มีการจัดการที่เหมาะสม
สรุป
การเลือกกล่องพัสดุไม่ใช่แค่เลือกขนาดหรือราคา แต่ต้องดูที่ประเภทสินค้า น้ำหนัก ความเปราะบาง รวมถึงมาตรฐานของกล่อง เพื่อให้สินค้าส่งถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัย หากคุณกำลังมองหาผู้ให้บริการด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจร BKK Packaging คือคำตอบ ด้วยกล่องลูกฟูกกว่า 100 ไซส์ เทปกาว ซองไปรษณีย์ บับเบิ้ล และอุปกรณ์แพ็กครบชุด บริการจัดส่งรวดเร็ว 1–2 วัน และรองรับการผลิตกล่องตามแบบที่ลูกค้าต้องการ ไม่ว่าจะธุรกิจเล็กหรือใหญ่ BKK Packaging พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ด้านการจัดส่งที่คุณไว้วางใจได้
FAQ
Q: จะรู้ได้ยังไงว่าควรใช้กล่องกี่ชั้น?
A: ถ้าสินค้าเบาใช้กล่อง 3 ชั้นก็พอ แต่ถ้าสินค้าหนักหรือเปราะบางควรเลือก 5 ชั้นขึ้นไป
Q: เลือกใช้กล่องใหญ่กว่าสินค้าดีไหม?
A: ไม่ควร เพราะสินค้าจะเคลื่อนที่ไปมาในกล่องและเสี่ยงต่อการเสียหาย ควรเผื่อแค่พอใส่วัสดุกันกระแทก
Q: กล่องรีไซเคิลเหมาะกับสินค้าแบบไหน?
A: เหมาะกับสินค้าทั่วไปที่ไม่ต้องการการปกป้องมากนัก เช่น เสื้อผ้า หนังสือ
Q: BKK Packaging มีบริการกล่องพัสดุอย่างไรบ้าง?
A: มีจำหน่ายกล่องลูกฟูกกว่า 100 ไซส์ พร้อมอุปกรณ์แพ็คครบชุด ทั้งเทปกาว บับเบิ้ล ซอง และบริการจัดส่งรวดเร็วภายใน 1-2 วัน พร้อมบริการออกแบบ แจ้งปัญหา โดยมีทีมงานคอยให้บริการในทุกขั้นตอน
Q: ถ้ากล่องมีปัญหา เช่น กาวไม่ติด จะทำยังไง?
A: BKK Packaging มีบริการเปลี่ยนทดแทนให้ทันทีภายใน 1–2 วัน เพื่อความมั่นใจของลูกค้า
📞 Tel: 083-926-4474 , 062-871-3695
💎 Line: @bkk-packaging
📩 Email: bkkpackaging2020@gmail.com
🔮 Facebook: BKK Packaging กล่องไปรษณีย์ อุปกรณ์การแพ็ค ราคาส่ง